วีไกด์ยังเที่ยวอยู่ในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ค่ะ วันนี้เราจะพาคุณเที่ยวชม จตุรัสควางฮวามุน Gwanghwamun Square (광화문광장) บนเนื้อที่ประมาณ 12 ไร่ ไฮไลท์ของจตุรัสแห่งนี้คือ อนุสาวรีย์กษัตริย์ Sejong มหาราช และ อนุสาวรีย์วีรชนแม่ทัพ Yi Sun-Sin ตั้งตระหง่าน เด่นเป็นสง่า ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่รายล้อมด้วยสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ซึ่งมีอายุมากกว่า 600 ปี โดยอยู่ใกล้ๆกับพระราชวังเคียงบกกุงและภูเขาสูง Bukaksan ซึ่งเป็นเสมือนฉากหลังเพิ่มความสวยงามให้กับจตุรัสแห่งนี้อีกด้วยค่ะ
ชักอยากทราบแล้วใช่มั้ยคะ ว่าบุคคลทั้งสองนั้นมีความสำคัญยังไงกับประเทศเกาหลีกันแน่ วีไกด์ขอเล่าชีวประวัติและความสำคํญของกษัตริย์ Sejong มหาราช และ แม่ทัพ Yi Sun-Sin โดยเริ่มที่พระราชประวัติกษัตริย์ Sejong กันก่อนเลยนะคะ
กษัตริย์ Sejong นั้นทรงประสูติวันที่ 15 เดือนพฤษภาคม ปีค.ศ.1397 เป็นพระราชโอรสองค์ที่ 3 ของกษัตริย์ Taejong แห่งราชวงศ์โชซอน ด้วยความที่พระองค์ทรงมีพระปรีชาสามารถและมีพระอัจฉริยภาพในทุกๆด้าน พระบิดาจึงทรงโปรดมากกว่าเจ้าชายองค์อื่นๆ ต่อมาจึงแต่งตั้งพระองค์ให้เป็นองค์รัชทายาท ถึงเเม้จะมีพระชนมายุเพียง 12 ปีเท่านั้น เมื่อพระองค์ครองราชย์เป็นกษัตริย์องศ์ที่ 4 แห่งราชวงค์โชซอน พระองค์เป็นกษัตริย์นักปราชญ์ที่ปกครองและบริหารบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองในทุกๆด้าน พัฒนานโยบายทางการเมือง ปรับปรุงกฎหมาย วางรากฐานทางกองทัพเพื่อเสริมความมั่นคง เป็นนักประดิษฐ์คิดค้นตัวอักษรเกาหลี Hankul ซึ่งใช้จนมาถึงปัจจุบันนี้ ทรงสนับสนุนการค้นคว้าและวิจัยทางวิทยาศาสตร์หลายโครงการ โดยมองการณ์ไกลสังเกตุเห็นความสามารถของหนุ่มน้อยธรรมดาคนหนึ่งชื่อ Jang พระองค์เรียกให้เข้ารับราชการและมอบหมายภาระกิจสำคัญเพื่อส่งเสริมโครงการทางวิทยาศาสตร์ ผลงานที่โดดเด่นและสร้างชื่อเสียงระดับโลกในยุคของพระองค์ เช่น นาฬิกาน้ำ นาฬิกาแดด และวงแหวนจำลองดาราศาสตร์ซึ่งเป็นการนำงานศิลปะผนวกเข้ากับดาราศาสตร์ได้อย่างสวยงาม บั้นปลายชีวิตของพระองค์ ทรงพระประชวรด้วยโรคเบาหวานภาวะเเทรกซ้อนจนถึงขั้นตาบอดและสวรรคตในปีค.ศ.1450
เป็นไงบ้างคะ พระราชประวัติของพระองค์ น่าทึ่งมากๆเลย เพื่อเป็นการน้อมระลึกถึงพระกรุณาธิคุณต่อบ้านเมือง ประชาชนจึงได้ขนามนามพระองค์ว่า Sejong The Great หรือ กษัตริย์ Sejong มหาราช และสร้างอนุสาวรีย์ของพระองค์ขึ้นโดยมีความสูงถึง 9.5 เมตร นั่งประทับบนบัลลังค์โดยพระหัตถ์ซ้ายทรงถือหนังสือ พระพักตร์ทรงดูใจดีและอ่อนโยนมากๆ คิดเหมือนกันมั้ยคะ ด้านหลังของอนุสาวรีย์นี้เป็นทางลงไปสู่พิพิธภัณฑ์จัดเเสดงพระราชประวัติของพระองค์ด้วยค่ะ
ส่วนชีวประวัติของแม่ทัพ Yi Sun-Sin ท่านนี้ก็ไม่ธรรมดาเลยค่ะ ถึงแม้จะมีชีวิตวัยเด็กที่ยากลำบาก แต่ก็ฉายแววความฉลาด มีความเป็นผู้นำ สมัยเด็กชอบเล่นการรบกับเพื่อนๆและสามารถประดิษฐ์ธนูเองได้ตั้งแต่เด็ก ต่อมาสามารถผ่านการสอบเข้ารับราชการเป็นทหารรับใช้ชาติตามที่ครอบครัวสนับสนุน และได้รับการบรรจุประจำกองพลธนูในสมัยราชวงศ์โชซอน ผ่านการรบและได้ชัยชนะหลายครั้งจนเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในฝีมืออันเก่งฉกาจ ด้วยกลยุทธวิธีการรบที่เป็นเลิศ มีทักษะการเป็นผู้นำที่โดดเด่น จึงได้รับตำเเหน่งแม่ทัพใหญ่ในกองทัพเรือ
ในเวลาต่อมาญี่ปุ่นเข้ามารุกรานเกาหลีเมือง Busan เพื่อใช้เป็นฐานกำลังในการเข้าพิชิตราชวงศ์หมิง ประเทศจีน ในการรบครั้งนั้นด้วยชื่อเสียงความเก่งกล้าสามารถของแม่ทัพ Yi Sun-Sin ทำให้นายพลญี่ปุ่นว่าจ้างเรือรบโปรตุเกสถึง 2 ลำมาช่วย และใช้เรือรบประมาณ 133 ลำ เรือเสบียงและกำลังเสริมอีกมากกว่า 200 ลำ เพื่อหวังจะเอาชนะเกาหลีให้ได้ ในขณะที่แม่ทัพ Yi Sun-Sin มีเรือรบ Panokseon ship เพียงแค่ 13 ลำ แต่ก็ยังสามารถปกป้องเกาหลีไว้ได้ ชนะศึกสงครามหลายต่อหลายครั้ง ถึงแม้จะไม่เคยผ่านศึกสงครามทางเรือมาก่อน แต่มีการเตรียมพร้อมทางกำลังทหารและอาวุธตลอดเวลา ที่สำคัญท่านสามารถประดิษฐ์เรือรบหุ้มเกราะ Turtle Ship ลำเเรกของโลก และมีความรอบรู้ทางทะเลเป็นอย่างดีจึงวางกลยุทธ์ต่อสู้กับญี่ปุ่น อีกทั้งยังปลุกระดมกำลังพลให้หึกเหิมสู้ไม่ถอยถึงเเม้จะได้ข่าวการรบพ่ายแพ้ทางบกหลายครั้ง แถมเสบียงอาหารบนเรือก็ร่อยหรอลงไปทุกที แต่ท่านก็คอยกระตุ้นขวัญกำลังใจให้กับพลทหาร ด้วยการเป็นตัวอย่างที่ดี ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ ต่อสู้กับข้าสึกแบบไม่คิดชีวิต ไม่เคยทิ้งลูกน้องถึงแม้จะอยู่ในยามขับขัน แต่อย่างไรก็ตามสงครามยังคงดำเนินต่อไป เกาหลีได้รับการสนับสนุนทางกองกำลังจากราชวงศ์หมิง ของจีน กองทัพของท่านจึงมีความเเข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ยากที่ญี่ปุ่นจะมารุกรานได้ง่ายๆ
แม่ทัพ Yi Sun-Sin อยู่กับศึกสงครามมาตลอดจนวันสุดท้ายที่ทั่วโลกต้องจารึก วันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ.1598 ระหว่างทำศึกสงครามกับญี่ปุ่นที่ช่องเเคบ Noryang ท่านถูกยิงที่ใกล้รักเเร้ด้านซ้าย ก่อนสิ้นใจได้สั่งการให้หลานชาย Yi Wan สวมเสื้อเกราะของท่าน ไม่ต้องประกาศให้ใครรู้ถึงการเสียชีวิต ขอให้ทุกคนสู้ให้สุดกำลัง และให้ตีกลองชัยปลุกระดมตลอดการสู้รบ ชื่อเสียงท่านขจรไปไกลและได้รับความกล่าวขานถึงความจงรักภักดี ความสามารถและความกล้าหาญ ราชวงศ์โชซอนยกย่องให้เป็นวีรบุรุษแห่งความจงรักภักดีและกล้าหาญ Chungmugong ประชาชนรักท่านมากเพราะเชื่อว่าเสียสละมากกว่ากษัตริย์ในสมัยนั้นซะอีกค่ะ อนุสาวรีย์ของท่านถูกสร้างขึ้น โดยมีความสูง 17 เมตร ท่าทางดูสง่างาม เข้มแข็ง น่าเกรงขามจริงๆค่ะ มือขวาถือดาบยาว ด้านหน้าอนุสาวรีย์มีเรือรบหุ้มเกราะจำลอง Turtle Ship ที่ท่านประดิษฐ์ขึ้นมา และกลองชัยจำลองที่ใช้ในศึกสงครามด้วยค่ะ
จตุรัสควางฮวามุนแห่งนี้ จึงถูกออกแบบขึ้นมาใหม่และเปิดให้ประชาชนชมเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2009 เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความทรงจำ น้อมระลึกถึงบุคคลสำคัญทั้งสองของเกาหลี
บริเวณพื้นที่บนจตุรัสแห่งนี้ถูกแบ่งเป็นสัดส่วน คุณจะได้พบกับทางเข้าพลาซ่า Gwanghwamun Gate Plaza จะมีรูปปั้นสิงโตเกาหลีตั้งอยู่ เชื่อกันว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งการป้องกันไฟไหม้วังค่ะ โซน Koria Main Plaza เป็นที่ประดิษฐานอนุสาวรีย์กษัตริย์ Sejong มหาราช บริเวณนี้จะมีมิวเซียมจัดเเสดงพระราชประวัติและนิทรรศการศิลปะ ส่วนโซน Civil Participation Urban Culture Plaza ใช้เป็นที่ตั้งอนุสาวรีย์วีรชนเเม่ทัพ Yi Sun-Sin บริเวณนี้มีการจัดเตรียมข้อมูลข่าวสารบริการนักท่องเที่ยว มีห้องจัดเเสดงงานศิลปะ ลิฟท์จะอยู่ในบริเวณนี้ด้วยค่ะ ถัดมาเป็นโซน Downtown Plaza มีน้ำพุสวยงาม และมีทางเดินเชื่อมระหว่างคลองซองเกชอนกับพระราชวังเคียงบกกุง ส่วน Memorial Waterway นั้นคือ เส้นทางประวัติศาสตร์ระหว่างพระราชวังเคียงบกกุง สถานีรถไฟใต้ดินควางฮวามุนเชื่อมสู่คลองซองเกชอน หากมีเวลาลองเดินเล่นดูนะคะ
ได้อ่านเรื่องราวอันน่าสนใจของบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์เกาหลีทั้งสองแล้ว น่าทึ่งมากๆเลยนะคะ ต้องขออภัยหากบางช่วงบางตอนอาจใช้คำราชาศัพท์ไม่ถูกต้อง ถ้ามาเที่ยวเกาหลีในทริปต่อไป พลาดไม่ได้เลยค่ะ วีไกด์แนะนำให้คุณวางแผนเที่ยวจตุรัสควางฮวามุน ซึ่งอยู่ใกล้ๆกันกับพระราชวังเคียงบกกุงนี่เอง
ขอบคุณที่อ่านและคอยติดตามวีไกด์ว่าเราจะพาคุณไปเที่ยวไหนกันต่อนะคะ เที่ยวเองง่ายๆ สบายๆ สไตล์คุณกับวีออฟเฟอร์ we-offers.com
- วิธีเเรก นั่งรถไฟใต้ดินในกรุงโซล Line No. 5 ลงสถานี Gwanhwamun Station ทางออก 1, 2, หรือ 8 ก็ได้ค่ะ
- วิธีที่สอง นั่งรถไฟใต้ดินในกรุงโซล Line No. 3 ลงสถานี Kyeongbokgung Station ทางออก 6 หรือ 7 เดินมาทาง KEB Bank เลยค่ะ
- วิธีที่สาม นั่งรถไฟใต้ดินในกรุงโซล Line No.1 ลงสถานี City Hall Station ทางออก 3 เดินมาทาง Deoksugung Palace และเดินต่อไปทาง Koreana Hotel ค่ะ
- สำหรับคุณที่มีรถเข็นเด็กหรือวีลแชร์ สามารถใช้ลิฟท์ขึ้นชมบริเวณลานจตุรัสค่ะ
- แนะนำให้มาเดินชมช่วงเช้าหรือเย็น เนื่องจากเป็นลานกว้างกลางแจ้งแดดแรงค่ะ